หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การปลูกบวบ

การปลูกบวบ http://www.chiataigroup.com/
1. บวบเหลี่ยม(Angled Gourd , Ridgid Gourd ) ชื่อวิทยาศาสตร์: Luffa acutangula
2.บวบหอม (Sponge Gourd ) ชื่อวิทยาศาสตร์: Luffa cylindrica
3. บวบงู ( Snake Gourd ) ชื่อวิทยาศาสตร์: Trichosanthes cucumerena
ข้อมูลทั่วไป
บวบเหลี่ยม,บวบหอม,บวบงูเป็นพืชเมืองร้อนที่มีเขตกำเนิดในแถบอินเดีย มักเจริญเติบโตได้ดีในสภาพภูมิอากาศเขตร้อนชื้น และดินแทบทุกชนิด แต่เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี pH ระหว่าง 5.5 – 7.2 เป็นพืชฤดูเดียว มีการเจริญแบบเลื้อยมีลำต้นเป็นข้อปล้องชัดเจน ลำต้นมี 5 เหลี่ยม มีมือเกาะช่วยพยุงลำต้น มีดอกตัวผู้และตัวเมียอยู่ในต้นเดียวกัน
บวบเหลี่ยมมีการใช้กันในอินเดียและประเทศทางตะวันออกไกล โดยใช้ผลอ่อนที่มีรสไม่ขม นำมารับประทานผลสดเหมือนแตงกวาหรือทำซุบ ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 บวบมีความสำคัญอย่างมากในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกใช้เป็นตัวกรองในเครื่องยนต์เรือและเครื่องยนต์ดีเซล และใช้เส้นใยเป็นอุปกรณ์ทำความสะอาด นอกจากนี้ยังใช้เป็นส่วนประกอบกันกระแทกของหมวกเหล็กในกองทัพบก เมล็ดใช้สกัดน้ำมันปรุงอาหาร
การเตรียมดิน

ถ้าดินมีสภาพเป็นกรดควรใส่ปูนขาวอัตรา 100-200 กิโลกรัมต่อไร่ก่อนการไถ การไถครั้งแรกควรเป็นการไถพลิกดิน แล้วตากทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อเป็นการลดปริมาณวัชพืช ทำการหว่านปุ๋ยตรากระต่าย 15-15-15 อัตรา 50-80 กิโลกรัมต่อไร่ และปุ๋ยคอก 1 ตันต่อไร่แล้วใช้จอบหมุนพรวนกลบ( ไม่ควรไถพรวนดินจนแตกย่อยเพราะจะทำให้ดินแน่นในภายหลัง รากพืชจะไม่สามารถหยั่งได้ลึกเพียงพอ )
การเตรียมแปลง
ทำแปลงเป็นแปลงคู่ระยะระหว่างแปลง 2-3 เมตร โดยยกร่องให้แปลงมีความกว้าง 50 – 100 cm. คลุมแปลงด้วยพลาสติกคลุมแปลงเพื่อป้องกันวัชพืช ส่วนร่องน้ำควรมีความกว้าง 50 cm. ( ระหว่างแปลงแต่ระคู่ )
การทำค้าง
ควรทำค้างเพื่อให้ต้นบวบเลื้อยเกาะขึ้นไป โดยทำค้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมมีหลังคา ขุดฝังค้างให้ได้ระยะระหว่างเสาค้างประมาณ 3 – 4 เมตร สูง 1.6 เมตร และยาวตามความยาวของแปลง จากนั้นขึงตาข่ายด้านข้างและหลังคา ในพื้นที่ระหว่างแปลงควรมีการทำไม้ค้ำยันเพื่อป้องกันค้างล้ม ทำการมัดต้นเมื่อบวบจะเริ่มเลื้อยหรือเมื่ออายุประมาณ 15 – 20 วัน
การเตรียมเมล็ด
บวบเหลี่ยมและบวบหอมแช่เมล็ดในฮอร์โมนอาโทนิค อัตรา 10 cc. ต่อน้ำ 10 ลิตร เป็นเวลา 6 ชั่วโมง จากนั้นบ่มในผ้าชุบน้ำหมาดๆบ่มในสภาพอุณหภูมิห้องนาน 36 – 48 ชั่วโมง เมื่อเห็นรากเริ่มงอกจึงนำเมล็ดที่ได้ไปเพาะ ( ไม่ควรปล่อยให้รากยาวเกินไป เพราะจะทำให้เพาะกล้าไม่สดวกและรากอาจหักได้ )
บวบงู
ก่อนเพาะต้องทำการหนีบเมล็ดก่อนเพื่อให้น้ำสามารถซึมเข้าได้ง่ายและเป็นการช่วยให้งอกดีขึ้น จากนั้นนำไปแช่ในฮอร์โมนอาโทนิค อัตรา 10 cc. ต่อน้ำ 10 ลิตรเป็นเวลา 6 ชั่วโมง จากนั้นบ่มในผ้าชุบน้ำหมาดๆบ่มในสภาพอุณหภูมิห้องนาน 36 – 48 ชั่วโมง เมื่อเห็นรากเริ่มงอกจึงนำเมล็ดที่ได้ไปเพาะในวัสดุเพาะ

การเพาะกล้าบวบเหลี่ยมและบวบหอม
เจาะหลุมปลูกระยะระหว่างต้น 1 เมตร รองก้นหลุมด้วยวัสดุผสมระหว่างดิน : ขี้เถ้าแกลบ : ปุ๋ยคอก อัตรา 4 : 3 : 1 หยอดเมล็ดที่ผ่านการเตรียมไว้แล้วหลุมละ 2 – 3 เมล็ด แล้วกลบด้วยวัสดุผสมที่ร่อนให้ระเอียดแล้ว รดน้ำให้ชุ่มอยู่เสมอ หลังจากต้นกล้างอกและมีใบจริง 2 – 3 ใบให้ตัดเหลือหลุมละ 1 ต้น

การเพาะกล้าบวบงู
เตรียมวัสดุเพาะกล้า นำเมล็ดที่รากงอกแล้วไปเพาะ รดน้ำให้ชุ่ม ควรทำหลังคาพลาสติกป้องกันฝน หลังจากต้นกล้างอกและมีใบจริง 2 – 3 ใบ ให้ตัดเหลือถุงละ 1 ต้น ถ้าต้นกล้าไม่สมบูรณ์ให้รดด้วยปุ๋ย 21-0-0 อัตรา 50 กรัม / น้ำ 20 ลิตร แล้วรดน้ำล้างใบ ควรรดน้ำให้ชุ่มอยู่เสมอ

การย้ายกล้า
เมื่อกล้าบวบงูมีอายุประมาณ 2 สัปดาห์ ควรย้ายปลูกในเวลาเย็น เมื่อปลูกเสร็จควรรดน้ำทันทีช่วงแรกควรรดน้ำให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ

การใส่ปุ๋ย
หลังจากต้นกล้ามีอายุ 14 วัน ( บวบงู หลังย้ายกล้า 1 สัปดาห์ ) รดด้วยปุ๋ย 21-0-0 อัตรา 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร โดยรดที่โคนต้น ต้นละ 100 cc. หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์รดด้วยปุ๋ยผสมระหว่างสูตร 21-0-0 และ 15-15-15 อัตราส่วน 1:1 อัตรา 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ( หลังการรดน้ำปุ๋ยทุกครั้งควรล้างใบด้วยน้ำเพื่อป้องกันการไหม้ของใบ ) เมื่อบวบมีการเจริญเติบโตได้ 1 เดือน ให้เจาะหลุมทำการฝังปุ๋ยผสมระหว่างสูตร 21-0-0 และ 15-15-15 อัตราส่วน 1:1 ต้นละ 10 กรัม โดยเจาะระหว่างต้น จากนั้น 15 วันทำการฝังปุ๋ยสูตร 15-15-15 ประมาณ 10 กรัมต่อหลุม และเมื่อมีการเก็บผลผลิตให้ทำการใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ทุกๆ 15 วัน
การให้น้ำ
ช่วงแรกให้รดตามหลุมให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ ประมาณ 20 วัน สามารถให้น้ำตามร่องได้ ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ผลเจริญเติบโตสมบูรณ์ แต่ไม่ควรให้มีน้ำขัง
การเก็บเกี่ยว
เมื่อบวบมีอายุประมาณ 40-45 วัน สามารถเก็บเกี่ยวหลังดอกบาน 6-8 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์และขนาดของผลที่ตลาดต้องการ การเก็บเกี่ยวควรเก็บเกี่ยวผลที่มีขนาดตามความต้องการออกให้หมดเพราะถ้าเหลืออยู่จะทำให้ผลต่อไปเจริญเติบโตไม่ดีและดอกต่อๆไปฝ่อ
การป้องกันกำจัดโรคและแมลง
โรคราน้ำค้าง ( Downy mildew )เกิดจากเชื้อรา Pseudoperospoa cubensis ระบาดในช่วงอุณหภูมิต่ำ และความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศสูง ในระยะแรกแผลเป็นสีน้ำตาล ช้ำน้ำระหว่างเส้นใบ แผลเป็นเหลี่ยม ในระยะการระบาด เมื่อพลิกใต้ใบจะเห็นสปอร์สีดำและเส้นใยสีขาวในบริเวณแผล เมื่อระบาดหนักใบจะแห้งกรอบบริเวณขอบใบ ทำให้พืชไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ ถ้าเป็นมาก ใบ,เถาจะแห้งและตายในที่สุดทำให้ผลผลิตลดลง
การป้องกันกำจัด
การฉีดพ่นเทนเอม 45 อัตรา 20-30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตรป้องกันก่อบพบโรคเมื่อพบการระบาดของโรคให้ตัดใบล่างที่เป็นโรคมากทิ้งแล้วฉีดพ่นด้วย เทนเอมผสมกับ โนมิลดิว อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ผสมฉีดทุกๆ 7 วันโดยฉีดใต้ใบพืช

โรคราแป้ง เกิดจากเชื้อรา Oidium ซึ่งสร้างสปอร์สีขาวคล้ายผงแป้งเคลือบอยู่บนใบและตามผล แผลมีลักษณะเป็นจุดกลมสีขาวซึ่งจะขยายออกไปจนหลุมเต็มใบ ทำให้ใบแห้งกรอบเป็นสีน้ำตาล ซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและทำให้ใบแห้งหมดทั้งเถา โรคนี้มักพบบนใบแก่ ระบาดมากปลายฤดูฝนต่อกับต้นฤดูหนาว
การป้องกันการกำจัด
ใช้กำมะถันผง ชนิดละลายน้ำในอัตรา 30-40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ควรใช้ในเวลาเช้าหรือเย็นที่แดดไม่ร้อนจัด
โรคไวรัส เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งมีแมลงจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยไฟ ,เพลี้ยอ่อน,แมลงหวี่ขาว,เต่าแตง เป็นตัวนำเชื้อโรคให้แร่ระบาดติดต่อกัน ใบจะเป็นสีเขียวสลับเหลืองด่าง ยอดหงิกงอ ต้นแคระแกร็น ผลมีรูปร่างบิดเบี้ยว ไม่ติดผล
การป้องกันกำจัด
1. ใช้พันธุ์ต้านทานโรคไวรัส
2. กำจัดพาหะที่สำคัญซึ่งได้แก่ เต่าแตง เพลี้ยไฟ แมลงหวี่ขาว โดยฉีดพ่นด้วยชอสแมค
3. ถอนต้นที่แสดงอาการดังกล่าวเผาทำลายทิ้ง

เพลี้ยไฟ เป็นแมลงขนาดเล็กลำตัวยาวประมาณ 2 ม.ม. สีน้ำตาลอ่อนพบตามใต้ใบและยอดอ่อน จะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้เกิดรอยด่างสีน้ำตาล ยอดอ่อนแคระแกร็น ใบหงิกงอ รูปร่างผิดปกติมีสีซีดสลับเขียวเป็นทาง มักพบการระบาดในช่วงเปลี่ยนฤดู อากาศแห้งและฝนทิ้งช่วง กำจัดได้โดยใช้ชอสแมคอัตรา 30 cc. ต่อน้ำ 20 ลิตรฉีดพ่นเมื่อพบ

ไรแดง ลักษณะตัวเต็มวัยกลมหรือเป็นรูปไข่ขนาดเล็กมาก มีแถบสีเข้มบริเวณทั้งสองข้างของลำตัว วางไข่บริเวณใกล้เส้นใบ การทำลายไรแดงมักชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใต้ใบพืช สังเกตเห็นใบพืชมีสีเทาๆซึ่งจะทำให้พืชขาดคลอโรฟิลด์ ต่อมาจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและน้ำตาล แห้งกรอบไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ แล้วจะร่วงไปในที่สุด กำจัดไรแดงได้โดยใช้กำมะถันผงผสมน้ำฉีดพ่น

แมลงหวี่ขาว ลักษณะตัวเต็มไวมีปีก 2 ขนาด ประมาณ 1 มม. ตัวอ่อนสีดำขนาดยาวประมาณ 1 มม. พบเป็นกลุ่มใต้ผิวใบ การทำลายตัวแก่และตัวอ่อน จะดูดน้ำเลี้ยงโดยเฉพาะใต้ผิวใบ ทำให้ใบม้วนลง แคระแกรนและหงิก การตรวจแปลงให้เคาะใบจะทำให้แมลงหวี่ขาวบินออกมา ฉีดพ่นด้วยชอสแมค ผสมน้อคทริน ฉีดพ่นกำจัดเมื่อพบการระบาด

หนอนชอนใบ ลักษณะเป็นหนอนขนาดเล็กสีเหลือง ผีเสื้อจะวางไข่ใต้ใบ อายุฟักไข่ประมาณ 2-3 วัน หนอนจะเจาะไชเข้าไปในผิวใบ การทำลายหนอนจะกัดกินอยู่ใต้ผิวใบ ทำให้เกิดรอยทำลายเป็นเส้นใส สามารถเห็นตัวหนอนได้ กำจัดได้โดยฉีดพ่นด้วย ดีซีตรอนพลัส หรือ ซอสแมค ตามอัตราฉีดพ่น ในเวลาเย็น 5 – 7 วันครึ่ง

เคล็ดลับการปลูก
- บวบไม่แนะนำให้ใช้ปุ๋ยสูตร 46-0-0 เพราะจะทำให้เฝื่อใบ แต่ควรใช้ตอนต้นเล็กๆได้
- ควรจัดผลไม่ให้ติดตาข่ายทุก 7 – 10 วัน เพราะจะทำให้ผลคดงอ ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด

ความคุ้มค่าของการลงทุน
_ บวบเหลี่ยม ผลผลิต 4,000 – 4,500 กิโลกรัม : ไร่ ลงทุน 10,000 บาท : ไร่
- บวบงู ผลผลิต 6,000 – 6,500 กิโลกรัม : ไร่ ลงทุน 10,000 บาท : ไร่
- บวบราคากิโลกรัมละ 6 – 7 บาท

1 ความคิดเห็น:

  1. Seminole Hard Rock Hotel and Casino Coconut Creek
    Welcome to our Seminole Hard Rock Hotel 통영 출장안마 and Casino Coconut Creek. This lively resort 광양 출장샵 is 울산광역 출장안마 located in the heart 제천 출장샵 of the South Florida  Rating: 4 · ‎15 votes 강원도 출장샵 · ‎Price range: $80

    ตอบลบ